tag:blogger.com,1999:blog-1672821414234717552024-03-08T18:59:34.229+07:00สถาปัตยกรรมเรวิทไทย [Thai Revit Architecture]สำหรับการศึกษาเรียนรู้โปรแกรม Autodesk Revit Architecture และ BIM systemป.พงศ์http://www.blogger.com/profile/11270636454844534129noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-167282141423471755.post-78499195999234590672010-10-12T20:51:00.001+07:002010-10-16T15:14:31.853+07:00BIM คืออะไร?<b>BIM</b> อ่านว่า <b>บิม</b> หรือ <b>บี.ไอ.เอ็ม.</b> ย่อมาจาก <b>Building Information Modeling</b> แปลเป็นไทยว่า <b>“การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร”</b> มีหลักการง่ายๆ คือ การออกแบบ/เขียนแบบอาคาร ๒ มิติ จะเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับแบบจำลอง ๓ มิติโดยอัตโนมัติ การกำหนดรายละเอียดต่างๆลงไปในผังพื้น โปรแกรมจะจดจำ เช่น ผนัง หลังคา เสา เป็นต้น ซึ่งปกติโปรแกรม CAD จะไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้ เพราะจะรู้เพียงว่าเป็นเส้นต่างๆเท่านั้น<br />
<br />
<b>BIM (Building Information Modeling) หรือ การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร</b> มีหลักการทำงาน โดยการสร้างโมเดล 3 มิติ และกำหนดรายละเอียดต่างๆลงไปได้ให้โปรแกรมมีความจำ เช่น ผนัง หลังคา เสา เป็นต้น BIM เป็น CAD สมัยใหม่ช่วยให้สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้ที่เกี่่ยวข้องกับการออก แบบ ก่อสร้าง บริหารอาคารได้ใช้ประโยชน์โดยการแบ่งปันข้อมูลที่สถาปนิกได้สร้างขึ้น แล้วให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำ ไปใช้งานต่อได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างข้อมูลขึ้นมาใหม่อีก<br />
<b>BIM (Building Information Modeling) หรือ การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร</b> เป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่เป็นการแก้ปัญหา (Solution) การสร้างแบบจำลองอาคารเป็น 3 มิติ (3D) ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องทั้งหมด ได้แก่ สถาปนิก วิศวกรโครงสร้าง วิศวกรไฟฟ้า วิศวกรเครื่องกล นักตกแต่งภายใน นักวิเคราะห์พลังงาน นักบริหารอาคาร (FM) ผู้รับเหมา เป็นต้น สามารถนำเอารายละเอียดต่างๆในอาคารไปทำงานต่อเนื่องได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลามาเริ่มใหม่ และยังสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างโปรแกรมต่างๆได้ เพื่อลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนลง ทำให้รวดเร็ว เที่ยงตรง และประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างมากมาย<br />
<br />
<b>BIM (Building Information Modeling) หรือ การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร</b> สามารถทำงานได้ครบทุกทุกกระบวนการของการทำงาน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบอาคาร(Design process) งานออกแบบสถาปัตยกรรม(Architecture) งานคำนวณวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้าง(Structural Analysis and Design) งานออกแบบงานวิศวกรรมระบบต่างๆ(Mechanical Electrical and Plumbing system, MEP) การเขียนแบบ(Drafting) การประมาณราคา(Estimating) การบริหารโครงการ (Project Management) การก่อสร้าง (Construction) การบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกองค์กร(Facilities Management) บริหารอาคาร เป็นต้น<br />
<br />
ปัจจุบันก็มีโปรแกรมออกแบบสถาปัตยกรรมหลายโปรแกรมที่สามารถรองรับเทคโนโลยี BIM ได้แก่ REVIT ของค่าย Autodesk และ ARCHICAD ของค่าย Graphisoft เป็นต้น ซึ่งการเชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่นหลายๆตัว เพื่อทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นจะต้องอาศัยไฟล์กลางของ <b>IFC (Industry Foundation Classes)</b> * เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น Autodesk (AutoCAD, Revit): Revit Architecture, Revit Structure, Revit MEP, Autodesk Robot Structural, Adapt(Post-Tension), Vico(5D Construction), Autodesk Ecotect Analysis, ARCHIBUS (Facilities Management) เป็นต้น<br />
<br />
*<i> IFC หรือ Industry Foundation Classes เป็นไพล์มาตรฐานของ BIM (the official International Standard ISO/IS 16739) เหมือนกับที่โปรแกรม CAD มีDxf เป็นไฟล์มาตรฐาน สำหรับใช้ข้อมูลร่วมกัน เช่น ๒ บริษัทสามารถทำงานร่วมกันได้ แม้ว่าจะใช้ software ต่างกัน IFC จะเป็นตัวกลางให้สามารถทำงานร่วมกันได้ </i>ป.พงศ์http://www.blogger.com/profile/11270636454844534129noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-167282141423471755.post-29650319630133276162010-05-23T22:28:00.000+07:002010-05-23T22:28:00.070+07:00วิชาการออกแบบและเขียนแบบสถาปัตยกรรม ๓ มิติด้วยโปรแกรมเรวิทโปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2009 เป็นโปรแกรมออกแบบและเขียนแบบงานสถาปัตยกรรมด้วยเทคโนโลยี “การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร (Building Information Modeling)” หรือที่นิยมเรียกกันในวงการว่า “บีไอเอ็ม” (BIM) วิธีการนี้จะช่วยทำให้สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือที่ผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ สามารถนำข้อมูลรายละเอียดอาคารไปใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ลดการทำงานซ้ำซ้อน ลดการทำงานขัดแย้งกัน เป็นการลดต้นทุนในการทำงานทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบร่าง จนถึงขั้นตอนการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และที่สำคัญที่สุดก็คือได้ผลงานที่มีคุณภาพ มีความสมบูรณ์ ครบถ้วน และถูกต้องมากที่สุด<br />
<br />
การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร (BIM) นั้น เริ่มต้นจากสถาปนิกเป็นผู้สร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรม โดยการจำลองรายละเอียดต่างๆของอาคาร ป้อนไปสู่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และการก่อสร้างได้ร่วมกันทำงาน และใช้งานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างฐานข้อมูลใหม่ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุนในการทำงานได้ และมีโอกาสผิดพลาดได้น้อย เนื่องจาก Autodesk Revit Architecture เป็นโปรแกรมหนึ่งในตระกูล Autodesk ที่ทำงานในระบบ BIM ได้อย่างครบวงจร<br />
<br />
รายวิชาเลือก ๘๐๓๓๒๘ การออกแบบและเขียนแบบสถาปัตยกรรม ๓ มิติด้วยโปรแกรมเรวิท (3D Architectural Design and Drafting w/ REVIT Program) เป็นการศึกษาเรียนรู้ในระดับพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งจะช่วยทำให้ให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจถึงลักษณะการใช้งานของโปรแกรมขั้นต้นได้อย่างรวดเร็ว ผู้เรียนจะสามารถใช้คำสั่งออกแบบและเขียนแบบงานสถาปัตยกรรมได้อย่างถูกต้อง ตั้งแต่การสร้างฐานราก(Foundation) เสา(Column) คาน(Beam) ผังพื้น(Plan) การสร้างรูปด้าน(Elevation) รูปตัด ๒ มิติ(2D Section) รูปตัด ๓ มิติ(3D Section/Section Box) แบบขยายสถาปัตยกรรม(Details) บันได(Stair) หลังคา(Roof) ฯลฯ เป็นต้น โดยผู้สอนจะปูพื้นฐานต่างๆให้ก่อน จากนั้นผู้เรียนจะต้องเรียนรู้จากสื่อการเรียนรู้ที่ผู้สอนจัดเตรียมไว้ให้ และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนด้วยตัวเองบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจคำสั่ง และเชื่อมโยงการใช้งานต่างๆได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลให้ผู้เรียนมีศักยภาพในการศึกษาค้นคว้าในระดับที่สูงขึ้นไปได้ป.พงศ์http://www.blogger.com/profile/11270636454844534129noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-167282141423471755.post-73049109140058986132010-05-23T16:56:00.000+07:002010-05-23T22:26:31.565+07:00แนะนำโปรแกรมเรวิท!โปรแกรม Autodesk Revit Architecture เป็นซอฟท์แวร์ที่มีความสามารถในการสร้างชิ้นงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมในลักษณะของการสร้างงานแบบ 3D ที่มีศักยภาพสูง ภายใต้แนวคิดในลักษณะของ Building Information Base Technology ที่จะทำให้การออกแบบอาคารในงานสถาปัตยกรรมสามารถทำงานได้ในลักษณะของพาราเมตริก (Parametric) ด้วยการใช้เทคโนโลยีของตัวโปรแกรมเองที่ชื่อว่า Revit Technology ซึ่งมีพัฒนาการซอฟท์แวร์เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน<br />
...ลองนึกภาพอาคารทั้งหลังเป็น 3D ในรูปแบบพาราเมตริก หากเราคิดจะแก้ไขอะไรสักอย่างหรือหลายๆอย่าง เช่น ย้ายประตู-หน้าต่าง ปรับขนาดห้อง-ความสูงเพดาน-ระดับ-ระยะต่างๆ...ฯลฯ เพียงแค่นำเม้าส์ไปชี้ที่วัตถุที่ต้องการแก้ไข Temporary Dimensions จะปรากฏขึ้นมา เมื่อทำการคลิกและแก้ไขตัวเลขของค่าพารามิเตอร์แล้ว อาคารทั้งหลัง (3D) จะเปลี่ยนตามไปทันที รวมถึง Drawings (2D) ทุกชั้น รูปด้าน รูปตัด รูปขยาย... ของอาคารทั้งหลัง ก็จะถูกแก้ไข และ Update โดยอัตโนมัติ...!<br />
<br />
PARAMETRIC BUILDING MODELLER = 2D -> 3D -> Objects Orientedป.พงศ์http://www.blogger.com/profile/11270636454844534129noreply@blogger.com1