REVIT ARCHITECTURE is powerfully developed as the update version of Autodesk products. Now it is possible to submit a full drawings project in a day as imagination. REVIT ARCHITECTURE is the no.1 software for architectural drawings in Europe, America. Now, it is your choice to making decision by yourself for making a history!!!

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

BIM คืออะไร?

BIM อ่านว่า บิม หรือ บี.ไอ.เอ็ม. ย่อมาจาก Building Information Modeling แปลเป็นไทยว่า “การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร” มีหลักการง่ายๆ คือ การออกแบบ/เขียนแบบอาคาร ๒ มิติ จะเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับแบบจำลอง ๓ มิติโดยอัตโนมัติ การกำหนดรายละเอียดต่างๆลงไปในผังพื้น โปรแกรมจะจดจำ เช่น ผนัง หลังคา เสา เป็นต้น ซึ่งปกติโปรแกรม CAD จะไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้ เพราะจะรู้เพียงว่าเป็นเส้นต่างๆเท่านั้น

BIM (Building Information Modeling) หรือ การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร มีหลักการทำงาน โดยการสร้างโมเดล 3 มิติ และกำหนดรายละเอียดต่างๆลงไปได้ให้โปรแกรมมีความจำ เช่น ผนัง หลังคา เสา เป็นต้น BIM เป็น CAD สมัยใหม่ช่วยให้สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้ที่เกี่่ยวข้องกับการออก แบบ ก่อสร้าง บริหารอาคารได้ใช้ประโยชน์โดยการแบ่งปันข้อมูลที่สถาปนิกได้สร้างขึ้น แล้วให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำ ไปใช้งานต่อได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างข้อมูลขึ้นมาใหม่อีก
BIM (Building Information Modeling) หรือ การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร เป็นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่เป็นการแก้ปัญหา (Solution) การสร้างแบบจำลองอาคารเป็น 3 มิติ (3D) ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องทั้งหมด ได้แก่ สถาปนิก วิศวกรโครงสร้าง วิศวกรไฟฟ้า วิศวกรเครื่องกล นักตกแต่งภายใน นักวิเคราะห์พลังงาน นักบริหารอาคาร (FM) ผู้รับเหมา เป็นต้น สามารถนำเอารายละเอียดต่างๆในอาคารไปทำงานต่อเนื่องได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลามาเริ่มใหม่ และยังสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างโปรแกรมต่างๆได้ เพื่อลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนลง ทำให้รวดเร็ว เที่ยงตรง และประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างมากมาย

BIM (Building Information Modeling) หรือ การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร สามารถทำงานได้ครบทุกทุกกระบวนการของการทำงาน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบอาคาร(Design process) งานออกแบบสถาปัตยกรรม(Architecture) งานคำนวณวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้าง(Structural Analysis and Design) งานออกแบบงานวิศวกรรมระบบต่างๆ(Mechanical Electrical and Plumbing system, MEP) การเขียนแบบ(Drafting) การประมาณราคา(Estimating) การบริหารโครงการ (Project Management) การก่อสร้าง (Construction) การบริหารสิ่งอำนวยความสะดวกองค์กร(Facilities Management) บริหารอาคาร เป็นต้น

ปัจจุบันก็มีโปรแกรมออกแบบสถาปัตยกรรมหลายโปรแกรมที่สามารถรองรับเทคโนโลยี BIM ได้แก่ REVIT ของค่าย Autodesk และ ARCHICAD ของค่าย Graphisoft เป็นต้น ซึ่งการเชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่นหลายๆตัว เพื่อทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นจะต้องอาศัยไฟล์กลางของ IFC (Industry Foundation Classes) * เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงกับโปรแกรมอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น Autodesk (AutoCAD, Revit): Revit Architecture, Revit Structure, Revit MEP, Autodesk Robot Structural, Adapt(Post-Tension), Vico(5D Construction), Autodesk Ecotect Analysis, ARCHIBUS (Facilities Management) เป็นต้น

* IFC หรือ Industry Foundation Classes เป็นไพล์มาตรฐานของ BIM (the official International Standard ISO/IS 16739) เหมือนกับที่โปรแกรม CAD มีDxf เป็นไฟล์มาตรฐาน สำหรับใช้ข้อมูลร่วมกัน เช่น ๒ บริษัทสามารถทำงานร่วมกันได้ แม้ว่าจะใช้ software ต่างกัน IFC จะเป็นตัวกลางให้สามารถทำงานร่วมกันได้

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วิชาการออกแบบและเขียนแบบสถาปัตยกรรม ๓ มิติด้วยโปรแกรมเรวิท

โปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2009 เป็นโปรแกรมออกแบบและเขียนแบบงานสถาปัตยกรรมด้วยเทคโนโลยี “การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร (Building Information Modeling)” หรือที่นิยมเรียกกันในวงการว่า “บีไอเอ็ม” (BIM) วิธีการนี้จะช่วยทำให้สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือที่ผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ สามารถนำข้อมูลรายละเอียดอาคารไปใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ลดการทำงานซ้ำซ้อน ลดการทำงานขัดแย้งกัน เป็นการลดต้นทุนในการทำงานทั้งระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบร่าง จนถึงขั้นตอนการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ และที่สำคัญที่สุดก็คือได้ผลงานที่มีคุณภาพ มีความสมบูรณ์ ครบถ้วน และถูกต้องมากที่สุด

การจำลองรายละเอียดข้อมูลอาคาร (BIM) นั้น เริ่มต้นจากสถาปนิกเป็นผู้สร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรม โดยการจำลองรายละเอียดต่างๆของอาคาร ป้อนไปสู่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และการก่อสร้างได้ร่วมกันทำงาน และใช้งานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างฐานข้อมูลใหม่ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุนในการทำงานได้ และมีโอกาสผิดพลาดได้น้อย เนื่องจาก Autodesk Revit Architecture เป็นโปรแกรมหนึ่งในตระกูล Autodesk ที่ทำงานในระบบ BIM ได้อย่างครบวงจร

รายวิชาเลือก ๘๐๓๓๒๘ การออกแบบและเขียนแบบสถาปัตยกรรม ๓ มิติด้วยโปรแกรมเรวิท (3D Architectural Design and Drafting w/ REVIT Program) เป็นการศึกษาเรียนรู้ในระดับพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งจะช่วยทำให้ให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจถึงลักษณะการใช้งานของโปรแกรมขั้นต้นได้อย่างรวดเร็ว ผู้เรียนจะสามารถใช้คำสั่งออกแบบและเขียนแบบงานสถาปัตยกรรมได้อย่างถูกต้อง ตั้งแต่การสร้างฐานราก(Foundation) เสา(Column) คาน(Beam) ผังพื้น(Plan) การสร้างรูปด้าน(Elevation) รูปตัด ๒ มิติ(2D Section) รูปตัด ๓ มิติ(3D Section/Section Box) แบบขยายสถาปัตยกรรม(Details) บันได(Stair) หลังคา(Roof) ฯลฯ เป็นต้น โดยผู้สอนจะปูพื้นฐานต่างๆให้ก่อน จากนั้นผู้เรียนจะต้องเรียนรู้จากสื่อการเรียนรู้ที่ผู้สอนจัดเตรียมไว้ให้ และที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนด้วยตัวเองบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจคำสั่ง และเชื่อมโยงการใช้งานต่างๆได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลให้ผู้เรียนมีศักยภาพในการศึกษาค้นคว้าในระดับที่สูงขึ้นไปได้

แนะนำโปรแกรมเรวิท!

โปรแกรม Autodesk Revit Architecture เป็นซอฟท์แวร์ที่มีความสามารถในการสร้างชิ้นงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมในลักษณะของการสร้างงานแบบ 3D ที่มีศักยภาพสูง ภายใต้แนวคิดในลักษณะของ Building Information Base Technology ที่จะทำให้การออกแบบอาคารในงานสถาปัตยกรรมสามารถทำงานได้ในลักษณะของพาราเมตริก (Parametric) ด้วยการใช้เทคโนโลยีของตัวโปรแกรมเองที่ชื่อว่า Revit Technology ซึ่งมีพัฒนาการซอฟท์แวร์เรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน
...ลองนึกภาพอาคารทั้งหลังเป็น 3D ในรูปแบบพาราเมตริก หากเราคิดจะแก้ไขอะไรสักอย่างหรือหลายๆอย่าง เช่น ย้ายประตู-หน้าต่าง ปรับขนาดห้อง-ความสูงเพดาน-ระดับ-ระยะต่างๆ...ฯลฯ เพียงแค่นำเม้าส์ไปชี้ที่วัตถุที่ต้องการแก้ไข Temporary Dimensions จะปรากฏขึ้นมา เมื่อทำการคลิกและแก้ไขตัวเลขของค่าพารามิเตอร์แล้ว อาคารทั้งหลัง (3D) จะเปลี่ยนตามไปทันที รวมถึง Drawings (2D) ทุกชั้น รูปด้าน รูปตัด รูปขยาย... ของอาคารทั้งหลัง ก็จะถูกแก้ไข และ Update โดยอัตโนมัติ...!

PARAMETRIC BUILDING MODELLER = 2D -> 3D -> Objects Oriented

::จำนวนการดูหน้าเว็บรวม::